ดูพระแท้

มารู้จักพระชินเขียวกัน

 

 

 

 

 

หลายๆคนมองข้ามพระชินเขียว ว่าเป็นพระเก๊,พระสนามบ้าง ซึ่งในความเป็นจริงมีข้อพิสูจน์หลายๆอย่างสามารถแยกแยะออกมาว่าพระชินเขียวมีจริงและเป็นพระกรุเก่าอายุหลายร้อยปี ซึ่งในที่นี้จะแนะนำจุดที่ใช้พิจารณาพระชินเขียวเบื้องต้นต้องมีองค์ประกอบเบื้องต้น 3 อย่าง


1.คราบ - เกิดจากสิ่งละอองจากภายนอกเกาะติดฝังแน่นอยู่บนผิวพระอาจจะมีสีออกเขียว, เหลือง, น้ำตาล, ขาวหรือดำ ตามแต่สิ่งสกปรกที่เกาะอยู่ ซึ่งเมื่อนำไปล้างด้วยน้ำเปล่าจะไม่สามารถล้างออกได้

2.ไข - เกิดจากปฏิกิริยาในเนื้อพระทำให้เกิดไข ซึ่งขึ้นกับส่วนผสมของโลหะในเนื้อพระซึ่งอาจจะมีทั้งแบบไขวัว ซึ่งจะมีลักษณะเป็นมันลื่นๆสีขาวอมเหลือง พอกเกาะติดอยู่บนผิว และแบบสนิมไข่แมงดา ลักษณะจะเป็นเม็ดเล็กๆไม่เท่ากันมีตั้งแต่ปลายเข็มจนถึงหัวตะปู พอกเป็นชั้นๆซึ่งสนิมไข่แมงดาจะมีลักษระเป็นทั้งเม็ดใสๆหรือสีขาว, สีเหลืองหรือสีน้ำตาลเป็นต้น

3. ปานดำ - จะเกิดจากผิวของเนื้อพระที่ปราศจากการปกคลุมของไขหรือคราบ จะมีลักษณะเป็นปื้นๆสีน้ำตาล, สีเทาหรือสีดำ ซึ่งบางกรณีอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้จะทำให้เห็นเนื้อพระที่มีลักษณะสีออกเขียวอ่อนๆปนสีน้ำตาลเทา

ในการพิจารณาพระชินเขียวถ้าส่องดูแล้วมีองค์ประกอบครบทั้ง 3 ชนิดถือว่าสุดยอดดูง่ายครับ แต่โดยปกติถ้ามีแค่เพียง 1 องค์ประกอบดังกล่าวก็ถือว่าใช้ได้เป็นพระชินเขียวแท้เหมือนกัน

พระชินเขียวมีการสร้างหลายยุคและหลายสมัยตามประวัติที่ค้นพบชินเขียวที่เก่าที่สุดจะเป็นพระอัฏฐารส ของจ.พิษณุโลก ซึ่งประมาณกนว่ามีอายุการสร้างไม่ต่ำกว่า 500 ปี และต่อมาจะเป็นพระร่วงทรงเกราะ ของจ.สุโขทัย ซึ่งสร้างประมาณ 300-400ปี ซึ่งเป็นยุคปลายๆของอาณาจักรสุโขทัย หลังจากนั้นก็มีการสร้างโดยเรื่อยมาสมัยลพบุรี, อยุธยา จนเรื่อยมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์มีการสร้างกันอย่าแพร่หลาย

องค์ประกอบทั้ง 3 เป็นจุดสำคัญที่พระเก๊ไม่สามารถปลอมได้เหมือน เพราะต้องอาศัยกาลเวลาเป็นตัวช่วยทำให้เกิดองค์ประกอบทั้งหลาย

ดังนั้นเราควรเริ่มมาศึกษาหรือหัมมามองพระชินเขียวกันบ้าง เพราะราคาเช่าหายังไม่แรงหักและมีพิมพ์สวยๆมากมายให้เลือกใช้ครับ คนโบราณชอบห้อยพระเนื้อชินเขียวเพราะว่าพุทธคุณเรื่องเหนียวหรือคงกระพันเชื่อถือได้ครับ

เก่ง กำแพง

เก่ง กำแพง เก่ง กำแพง

ร้านพระเครื่อง